1 Artificial Intelligence (AI) หรือ ปัญญาประดิษฐ์ และ Machine Learning (ML) จะยังคงเป็นแนวโน้มหลักในการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ ซึ่งมีบริษัทจำนวนมากขึ้น ได้มีการใช้เทคโนโลยีเหล่านี้เพื่อใช้ในการการตรวจจับ และตอบสนองภัยคุกคาม ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน.

2 Cloud security การรักษาความปลอดภัยบนคลาวด์ ยังคงมีสำคัญเช่นกัน เนื่องจากองค์กรจำนวนมากได้เริ่มมีการย้ายข้อมูลและแอปพลิเคชันไปยังคลาวด์ ดังนั้นจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องมีการรักษาความปลอดภัยบนคลาวด์เพื่อป้องกันการโจมตีจากผู้ไม่หวังดี.

3 Internet of Things (IoT) Security ปัจจุบันจะพบว่ามีจำนวนอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อภายในบ้าน และที่ทำงานเพิ่มสูงขึ้น แม้จะมีความสะดวก รวดเร็วในการใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ แต่สิ่งเหล่านี้ก็แลกมาด้วยภัยคุกคามด้านความปลอดภัยด้วยเช่นกัน ดังนั้นการรักษาความปลอดภัยของอุปกรณ์ในระบบเครือข่ายที่อุปกรณ์เหล่านี้เชื่อมต่ออยู่ จึงยังมีความสำคัญมากในปี 2023 นี้.

4 Hybrid Working แนวโน้มของการทำงานจากระยะไกลจะยังคงเป็นข้อกังวลด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่สำคัญ จริงอยู่ว่า Hybrid Work คือสิ่งที่หลายองค์กรบนโลกกำลังมุ่งมั่นทำให้เกิดขึ้นจริง แต่ปัญหาหลักที่องค์กร ยังกังวลมากที่สุดคงหนีไม่พ้นความปลอดภัย (Security) ยิ่งมีการเข้าถึงข้อมูลจากหลายทาง และมีการใช้งานเชื่อมโยงข้ามอุปกรณ์ ทั้งเครื่องส่วนตัว เครื่องขององค์กร หรืออาจจะออกไปใช้งาน device ที่เป็นของสาธารณะตามอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ ยิ่งทำให้มีช่องโหว่ และอาจจะถูกโจมตีได้ทุกเมื่อ ดังนั้นการทำงานแบบระยะไกลก็ยังคงเป็นเรื่องที่หลายบริษัทยังต้องหาแนวทางการป้องกันกันต่อไป.

5 Privacy and data protection: เนื่องจากการละเมิดข้อมูลและการโจมตีทางไซเบอร์กลายเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นแทบทุกวัน และมีแนวโน้มจะสูงขึ้นเรื่อยๆ การปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล และข้อมูลที่ละเอียดอ่อน จะมีความสำคัญมากขึ้นสำหรับองค์กร และตัวบุคคลทั่วไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้