Skip to content Skip to footer

Computer Forensics Fundamentals

Article

Computer Forensics Fundamentals

หลักการพื้นฐานด้านนิติคอมพิวเตอร์ (Computer Forensics Fundamentals)

ในปัจจุบันอาชญากรรมไซเบอร์เป็นปัญหาที่มีความซับซ้อน และมีปริมาณที่เพิ่มอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับระดับบุคคลทั่วไป องค์กร และประเทศในวงกว้าง การจัดการแก้ปัญหาอาชญากรรมไซเบอร์ให้มีประสิทธิ์ภาพต้องอาศัยองค์ความรู้ด้านนิติคอมพิวเตอร์ ซึ่งจะช่วยให้องค์กรสามารถเก็บรวบรวม ตรวจสอบ วิเคราะห์ ข้อมูลหลักฐาน ระบุผู้ที่ก่ออาชญากรรมไซเบอร์ และผลกระทบที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมไซเบอร์ ได้อย่างมีประสิทธิ์ภาพ และเป็นที่ยอมรับในการดำเนินการทางกฎหมาย ดังนั้น ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการด้านอาชญากรรมไซเบอร์จึงมีความจำเป็นอย่างมากที่จะต้องให้ความสำคัญกับการดำเนินการนิติคอมพิวเตอร์ ให้ถูกต้อง เหมาะสม เพื่อช่วยลดปัญหาด้านอาชญากรรมไซเบอร์

อาชญากรรมไซเบอร์ คือ การกระทำที่ละเมิดกฎหมาย โดยเกี่ยวข้องกับระบบคอมพิวเตอร์
หรือแอปพลิเคชันที่ใช้งาน ซึ่งผู้ก่ออาชญากรรมไซเบอร์อาจจะใช้ระบบคอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือในการสร้าง Malware ถอดรหัสลับ หรือเพิ่มสิทธิ์ในการเข้าถึงข้อมูลสำคัญ โดยที่ระบบคอมพิวเตอร์ก็เป็นเป้าหมายที่จะถูกโจมตี และก่อให้เกิดอาชญากรรมไซเบอร์ เช่น อาจทำให้ระบบคอมพิวเตอร์ไม่สามารถให้บริการได้ ซึ่งปัจจุบันเครื่องมือในการก่ออาชญากรรมไซเบอร์ มีความหลากหลายและซับซ้อนมากขึ้น รวมถึงผู้ก่ออาชญากรรมไซเบอร์ก็มีการรวมกลุ่มเพื่อร่วมกันก่ออาชญากรรมไซเบอร์อย่างเป็นระบบมากขึ้น ส่งผลให้การก่ออาชญากรรมไซเบอร์ เพิ่มจำนวนสูงขึ้นอย่างมาก โดยผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของอาชญากรรมไซเบอร์ก็มีทั้งบุคคลทั่วไป และระดับองค์กร

รูปแบบการโจมตีทางไซเบอร์ (Mode of Attacks)

อาชญากรรมไซเบอร์มีวิธีการโจมตีเป็น 2 รูปแบบหลัก

  • การโจมตีจากภายใน

เป็นการโจมตีที่เกิดขึ้นจากคนภายในองค์กร ที่มีสิทธิ์ในการเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ภายในองค์กร ซึ่งเป็นการโจมตีที่อาจตรวจจับได้ยาก และส่งผลกระทบที่หลากหลาย
เช่น ข้อมูลลับอาจรั่วไหล หรือถูกเปลี่ยนแปลงแก้ไขโดยผู้ที่ไม่มีสิทธิ์

  • การโจมตีจากภายนอก

เป็นการโจมตีที่เกิดขึ้นจากคนภายนอกองค์กร ซึ่งอาจจะเป็นการโจมตีมาจากต่างประเทศ ซึ่งอาจทำให้การติดตามจับตัวผู้โจมตีเป็นไปได้ยาก และอาจส่งผลกระทบที่หลากหลายต่อองค์กรที่ตกเป็นเหยื่อเช่นกัน เช่น อาจทำให้องค์กรไม่สามารถให้บริการได้ หรือข้อมูลลับอาจรั่วไหล

ประเภทอาชญากรรมคอมพิวเตอร์ (Computer Crime)

อาชญากรรมไซเบอร์ที่เกี่ยวข้องกับระบบคอมพิวเตอร์สามารถแบ่งเป็นประเภทหลัก ๆ ได้ ดังนี้

  • โปรแกรมคอมพิวเตอร์ประสงค์ร้าย (Computer Malware)
  • การขโมยข้อมูลระบุตัวตน (Identity Theft)
  • การเข้าถึงข้อมูลหรือระบบโดยไม่ได้รับอนุญาต (Hacking)
  • การโจมตีเพื่อให้ระบบไม่สามารถให้บริการได้ (Denial of Service Attacks)
  • การขโมยข้อมูลทรัพย์สินทางปัญญา (Theft of Intellectual Property)
  • การส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์หลอกลวง (Email Spam/Phishing)

การสืบสวนอาชญากรรมไซเบอร์

การสืบสวนอาชญากรรมไซเบอร์ มีขั้นตอนที่สำคัญ ดังนี้

  • การระบุเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
  • การหาข้อมูลเบาะแสที่หลงเหลือ
  • การประเมินหาหลักฐานที่เกี่ยวข้อง
  • การค้นหาและยึดอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่เกี่ยวข้อง
  • การสรุปหลักฐานที่สามารถใช้ในการดำเนินคดีทางกฎหมาย

อาชญากรไซเบอร์

อาชญากรไซเบอร์ คือ บุคคล หรือ กลุ่มบุคคลผู้ก่ออาชญากรรมบนโลกออนไลน์ อาชญากรไซเบอร์ มีความเกี่ยวข้องกับองค์กรที่อาชญากรรมด้านต่าง ๆ อย่างมาก อาชญากรไซเบอร์มีการใช้เทคนิควิธีต่าง ๆ ในก่ออาชญากรรมไซเบอร์ เช่น การพัฒนามัลแวร์ เพื่อใช้ในการโจมตีเหยื่อ รวมถึงอาจมีการปฏิบัติการเป็นกลุ่มองค์กรที่ก่ออาชญากรไซเบอร์เป็นหลัก โดยที่มีการวางแผนสำหรับการโจมตีในรูปแบบที่ซับซ้อน หลากหลาย และอาจมีการให้บริการในการก่ออาชญากรไซเบอร์กับผู้ที่ต้องการโจมตีเหยื่อ เช่น การรับจ้างเขียนมัลแวร์ เพื่อโจมตีองค์กร และการโจมตีในประเภท DOS attack จนถึงอาจมีการเข้าร่วมกันในการก่อสงครามไซเบอร์ที่มีแรงจูงใจจากประเด็นการเมือง และลัทธิศาสนา ซึ่งถือเป็นปัญหาที่น่ากังวลสำหรับการจัดการด้านความมั่นคงปลอดภัยในระดับประเทศ

นิติวิทยาศาสตร์ นิติวิทยาคอมพิวเตอร์

นิติวิทยาคอมพิวเตอร์ คือการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบอาชญากรรมไซเบอร์ที่เกี่ยวข้องกับระบบคอมพิวเตอร์ โดยการดำเนินการด้านนิติวิทยาคอมพิวเตอร์ จะครอบคลุมกิจกรรมสำคัญ เช่น การใช้เครื่องมือ และวิธีการเพื่อเตรียมความพร้อมในการพิสูจน์หลักฐานทางคอมพิวเตอร์ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ได้แก่ การเก็บรวบรวม รักษาหลักฐาน ตีความข้อมูลของหลักฐาน และจัดทำเอกสารที่เกี่ยวข้องเพื่อตรวจจับ และระบุตัวผู้โจมตี รวมถึงการดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดในชั้นศาล การแตกไฟล์ การตีความ และการจัดทำเอกสาร

วัตถุประสงค์หลักของนิติวิทยาคอมพิวเตอร์

  • เพื่อช่วยในการกู้คืน วิเคราะห์ เก็บรักษา หลักฐานที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมไซเบอร์ และคอมพิวเตอร์ รวมถึงให้สามารถใช้หลักฐานนั้น ในการดำเนินการทางกฎหมายในชั้นศาลได้อย่างเหมาะสม และเป็นที่ยอมรับ
  • เพื่อช่วยในการระบุหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมไซเบอร์และคอมพิวเตอร์ ได้อย่างรวดเร็ว ประเมินผลกระทบของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ช่วยระบุตัวผู้ก่อเหตุและเป้าหมายของการก่อเหตุอาชญากรรมไซเบอร์ และคอมพิวเตอร์
    • เนื่องด้วยนิติวิทยาคอมพิวเตอร์ มีความสำคัญเป็นอย่างมากในการจัดการปัญหาด้านอาชญากรรมไซเบอร์ ดังนั้นองค์กรจึงควรมีการเตรียมความพร้อมในการดำเนินการทางนิติวิทยาคอมพิวเตอร์ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถขององค์กรในการใช้หลักฐานดิจิทัลในการดำเนินการทางนิติวิทยาคอมพิวเตอร์ เพื่อให้องค์กรมีความพร้อมในการดำเนินการทางนิติวิทยาคอมพิวเตอร์ ดังนี้
      • การรวบรวมหลักฐานที่เป็นที่ยอมรับทางกฎหมาย
      • การสรุปการรวบรวมหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการก่ออาชญากรรม
      • ช่วยให้การตรวจสอบสามารถดำเนินการได้ภายใต้ค่าใช้จ่ายที่เหมาะสม
      • ช่วยสร้างความเชื่อมั่นว่าสามาถใช้หลักฐานให้เกิดประโยชน์ต่อการดำเนินการทางกฎหมาย

ระเบียบวิธีทางนิติวิทยาคอมพิวเตอร์
วิธีการทางนิติวิทยาคอมพิวเตอร์ ประกอบด้วยกิจกรรมสำคัญดังต่อไปนี้

  • การเก็บรักษาหลักฐาน
  • การระบุหลักฐาน
  • การรวบรวมข้อมูลจากหลักฐาน
  • การสรุปตีความหลักฐาน
  • การจัดการเอกสารที่เกี่ยวข้องกับหลักฐาน

โดยขั้นตอนและกฎหลักในการดำเนินการทางนิติวิทยาคอมพิวเตอร์ ประกอบด้วย

  • การระบุอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ที่เกิดขึ้น
  • การรวบรวมหลักฐานเบื้องต้น
  • การขอหมายศาลเพื่อยึดหลักฐานที่เกี่ยวข้อง
  • การดำเนินการตอบสนองเบื้องต้น
  • การยึดหลักฐานที่เกี่ยวข้องในที่เกิดเหตุ
  • การนำส่งหลักฐานไปยังห้องปฏิบัติการทางนิติวิทยาศาสตร์อย่างปลอดภัย
  • การสร้างสำเนาของหลักฐาน
  • การสร้างข้อมูลการเข้ารหัส เช่น MD5 เพื่อใช้ในการตรวจสอบความสมบูรณ์ของข้อมูลหลักฐาน
  • การจัดเตรียมกระบวนการเก็บรักษาหลักฐาน
  • การป้องกันหลักฐานโดยจัดเก็บไว้ในที่ปลอดภัย
  • การตรวจสอบสำเนาของหลักฐาน
  • การจัดทำรายงาน
  • การนำส่งรายงานให้ผู้ที่เกี่ยวข้อง
  • การเข้าร่วมในการพิจารณาความในชั้นศาล ในกรณีที่จำเป็น

บทบาทของหลักฐานดิจิทัล
ในการก่ออาชญากรรมไซเบอร์ ผู้โจมตีอาจทิ้งหลักฐานที่สามารถใช้เป็นข้อมูลเบาะแสในการตรวจสอบการโจมตีได้ โดยที่หลักฐานดิจิทัลอาจเกี่ยวข้องกับปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้

  • ลักษณะการใช้งานอินเทอร์เน็ต
  • การปลอมแปลงเอกสาร
  • การใช้งานระบบคอมพิวเตอร์ที่ผิดปกติ
  • การใช้อีเมลเพื่อติดต่อกับผู้ที่น่าสงสัย
  • การขโมยข้อมูลความลับ
  • การส่งข้อมูลที่ไม่ได้รับอนุญาต
  • ข้อมูลการเคลื่อนไหวของสิ่งที่เกี่ยวข้อง
  • การโจมตีระบบคอมพิวเตอร์
  • ชื่อและที่อยู่ของผู้ที่เกี่ยวข้อง

การทบทวนนโยบายและกฎหมาย
การทบทวนนโยบาย และกฎหมายที่เกี่ยวข้องมีความสำคัญต่อการจัดการอาชญากรรมไซเบอร์ เป็นอย่างมาก ซึ่งควรดำเนินการตามแนวปฏิบัติดังนี้

  • การระบุขอบเขตอำนาจในการสืบค้นหาหลักฐาน
  • การระบุหน่วยงานทางกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
  • การหารือกับที่ปรึกษาด้านกฎหมายสำหรับประเด็นที่เกี่ยวข้อง
  • การคุ้มครองข้อมมูลส่วนบุคคล และรักษาความลับของผู้ที่เกี่ยวข้อง

การรายงานอาชญากรรมไซเบอร์
การรายงานเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมไซเบอร์ มีความสำคัญต่อการจัดการปัญหาอาชญากรรมไซเบอร์เป็นอย่างมาก โดยควรปฏิบัติตามแนวทางที่เหมาะสม และจะก่อให้เกิดประโยชน์ ดังนี้

  • ให้ข้อมูลรายละเอียดที่จำเป็นให้กับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง
  • ติดต่อเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเพื่อขอคำปรึกษา เพื่อให้การรายงานดำเนินการได้ถูกต้อง เหมาะสม
  • การรายงานที่เหมาะสม จะสามารถช่วยส่งเสริมให้มีการกำหนดนโยบายที่สอดคล้องกับแนวโน้มของรูปแบบอาชญากรรมไซเบอร์ที่เปลี่ยนแปลงไป
  • การรายงานที่เหมาะสม ยังสามารถช่วยให้เจ้าหน้าที่สามารถระบุ และรับมือกับภัยคุกคาม
    ที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมไซเบอร์ได้อย่างมีประสิทธิ์ภาพมากขึ้น

Related Content