สรุป PDPA พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ที่องค์กรควรรู้ !
PDPA พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 คืออะไร ?
PDPA (Personal Data Protection Act B.E. 2019) หรือ พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 คือ กฎหมายว่าด้วยการให้สิทธิ์กับเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล สร้างมาตรฐานการรักษาข้อมูลส่วนบุคคลให้ปลอดภัย และนำไปใช้ให้ถูกวัตถุประสงค์ตามคำยินยอมที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลอนุญาต โดยกฎหมาย PDPA Thailand (พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล) ได้ประกาศไว้ในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2562 และปัจจุบันได้ถูกเลื่อนให้มีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มิถุนายน 2565
PDPA มีความสำคัญอย่างไรกับบริษัทในยุคดิจิทัลนี้
ในยุคที่ธุรกิจและการตลาดขับเคลื่อนด้วยข้อมูล ทำให้ “ข้อมูล” ของลูกค้ากลายเป็นสิ่งที่มีมูลค่าและมีความสำคัญสำหรับธุรกิจมาก ๆ เพราะเราสามารถต่อยอดธุรกิจจากข้อมูลที่มี เพื่อพัฒนาสินค้าและบริการให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ แต่หลายปีที่ผ่านมาพบว่าหลายองค์กร ได้มีการนำข้อมูลของลูกค้าหรือบริการ ไม่ใช้อย่างไม่ถูกต้อง และมีการละเมิดความเป็นส่วนตัว จึงทำให้เกิด กฎหมาย PDPA (Personal Data Protection Act) เป็นพ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ขึ้นเพื่อกำหนดให้ใช้ในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ไม่ให้ถูกจัดเก็บหรือนำไปใช้โดยไม่ได้แจ้งให้เราทราบ และ/หรือได้รับความยินยอมจากเราในฐานะเจ้าของข้อมูลก่อน
ดังนั้นต่อไปนี้การจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลจากลูกค้า ไม่ว่าจะทั้งในรูปแบบออฟไลน์ หรือออนไลน์ หากมีการเก็บข้อมูลแล้ว จำเป็นต้องทำให้ถูกต้อง เพราะถ้าหากทำไม่ถูกต้อง อาจมีความผิดตาม พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือ PDPA ได้นั่นเอง
หากไม่ปฏิบัติตามมีบทลงโทษอย่างไรบ้าง
PDPA หรือ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 ที่จะบังคับใช้ในประเทศไทยนี้ จะมีบทบาทในการคุ้มครองและให้สิทธิที่เราควรมีต่อข้อมูลส่วนบุคคลของเราเองได้ รวมไปถึงการสร้างมาตรฐานของบุคคลหรือนิติบุคคล ในการเก็บข้อมูลส่วนบุคคล, รวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล, ใช้ข้อมูลส่วนบุคคล หรือเพื่อการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลก็ตาม ซึ่งล้วนแล้วเกี่ยวข้องกับ พ.ร.บ. ฉบับนี้ที่จะต้องปฏิบัติตาม หากผู้ใดหรือองค์กรใดไม่ปฏิบัติตามย่อมมีบทลงโทษตามกฎหมายตามมา ซึ่งบทลงโทษของ PDPA สำหรับผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามนั้น มีทั้งโทษทางแพ่ง โทษทางอาญา และโทษทางปกครองด้วย โดยมีรายละเอียดดังนี้
- โทษทางแพ่ง โทษทางแพ่งกำหนดให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนที่เกิดขึ้นจริงให้กับเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้รับความเสียหายจากการละเมิด และอาจจะต้องจ่ายบวกเพิ่มอีกเป็นค่าค่าสินไหมทดแทนเพื่อการลงโทษเพิ่มเติมสูงสุดได้อีก 2 เท่าของค่าเสียหายจริง ตัวอย่าง หากศาลตัดสินว่าให้ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล ต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เป็นจำนวน 1 แสนบาท ศาลอาจมีคำสั่งกำหนดค่าสินไหมเพื่อการลงโทษเพิ่มอีก 2 เท่าของค่าเสียหายจริง เท่ากับว่าจะต้องจ่ายเป็นค่าปรับทั้งหมด เป็นจำนวนเงิน 3 แสนบาท
- โทษทางอาญา โทษทางอาญาจะมีทั้งโทษจำคุกและโทษปรับ โดยมี โทษจำคุกสูงสุดไม่เกิน 1 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยโทษสูงสุดดังกล่าวจะเกิดจากการไม่ปฏิบัติตาม PDPA ในส่วนการใช้ข้อมูล หรือเปิดเผยข้อมูล หรือส่งโอนข้อมูลไปยังต่างประเทศ ประเภทข้อมูลที่มีความละเอียดอ่อน(Sensitive Personal Data) ส่วนกรณีหากผู้กระทำความผิด คือ บริษัท(นิติบุคคล) ก็อาจจะสงสัยว่าใครจะเป็นผู้ถูกจำคุก เพราะบริษัทติดคุกไม่ได้ ในส่วนตรงนี้ก็อาจจะตกมาที่ ผู้บริหาร, กรรมการ หรือบุคคลซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของบริษัทนั้น ๆ ที่จะต้องได้รับการลงโทษจำคุกแทน
- โทษทางปกครอง โทษปรับ มี ตั้งแต่ 1 ล้านบาทจนถึงสูงสุดไม่เกิน 5 ล้านบาท ซึ่งโทษปรับสูงสุด 5 ล้านบาท จะเป็นกรณีของการไม่ปฏิบัติตาม PDPA ในส่วนการใช้ข้อมูล หรือเปิดเผยข้อมูล หรือส่งโอนข้อมูลไปยังต่างประเทศของประเภทข้อมูลที่มีความละเอียดอ่อน(Sensitive Personal Data) ซึ่งโทษทางปกครองนี้จะแยกต่างหากกับการชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดจากโทษทางแพ่งและโทษทางอาญาด้วย
ดังนั้นองค์กรที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคล ควรเริ่มทำตั้งแต่เนิ่น ๆ ไว้ เพื่อป้องกันปัญหาที่จะอาจตามมาทางด้านกฎหมาย ซึ่งจะมีผลเสียหายต่อองค์กร หากวันใดวันหนึ่งเกิดมีข้อมูลรั่วไหล หรือเผลอนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้อย่างไม่ถูกต้องแล้ว บุคคลหรือองค์กรที่ไม่ได้ดำเนินการตาม PDPA ไว้ ย่อมเสียหายร้ายแรงกว่าผู้ที่ดำเนินการไว้แล้ว และผู้รับโทษตามกฎหมายก็อาจเป็นเจ้าของกิจการที่ต้องรับโทษแทนพนักงานเองก็เป็นได้ จึงนับว่าผู้นำองค์กรก็ควรตระหนักและให้ความใส่ใจต่อการทำ PDPA ก่อนถึงวันบังคับใช้
คาดว่าทุกท่านน่าจะเข้าใจบริบทของตัวกฏหมาย พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกันบ้างแล้ว คราวนี้เรามาทำความเข้าใจเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลกันบ้าง ว่าคืออะไร องค์กรต้องเตรียมพร้อมอย่างไรบ้าง และใครบ้างที่ต้องปฏิบัติตาม
ข้อมูลส่วนบุคคล (Personal Data) คือ ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลที่สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ ทั้งทางตรงหรือทางอ้อม แต่จะไม่นับรวมข้อมูลของผู้ที่เสียชีวิตไปแล้ว เช่น รูปกระดาษหรืออิเล็กทรอนิกส์ ตัวหนังสือรูปภาพหรือเสียง โดยครอบคลุมตั้งแต่ ชื่อ นามสกุล หมายเลขบัตรประชาชน เบอร์โทรศัพท์ ที่อยู่ อีเมล์ นอกจากนี้กฎหมายยังคุ้มครองไปถึงข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว (Sensitive Data) เช่น เชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความเห็นทางการเมือง ความเชื่อ ลัทธิ ศาสนา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลทางด้านสุขภาพ ข้อมูลทางพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ Cookies ID EMEI หรือ Device ID ที่สามารถเชื่อมต่อ Server ได้เพื่อระบุตัวอุปกรณ์แม้ไม่เปิดเผยชื่อ นามสกุลผู้ใช้เลยก็ตาม
ข้อมูลส่วนบุคคลมีอะไรบ้าง อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
สิ่งที่องค์กรต้องเตรียมพร้อมกับ พระราชบัญญัติ คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคล คือ ทำ Privacy policy และ บันทึกกิจกรรมการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคลโดยต้องจัดให้มีมาตรการในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยอย่างเหมาะสมเพื่อป้องกันการสูญหาย เข้าถึง ใช้ เปลียนแปลง แก้ไข หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจากอำนาจโดยมิชอบ เช่น
- มีนโยบายการรักษาความมั่นคงปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policies)
- มีการขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลก่อนการเก็บ รวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย (Consent Management)
- มีการประเมินความเสี่ยงของข้อมูลส่วนบุคคล (Personal Data Risk Assessment)
ดังนั้นการบริหารจัดการข้อมูลส่วนบุคคลจึงเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับทุกภาคส่วนในองค์กรและจำเป็นต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง การบริหารจัดการข้อมูลส่วนบุคคลให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลที่ดีนั้นขึ้นอยู่กับดังต่อไปนี้
- การกำกับดูแลของกรรมการและผู้บริหารและการมีส่วนร่วมของบุคคลในองค์กร
- การออกแบบกระบวนการที่มีการสอดแทรกมาตรการการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
- การนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการติดตามตรวจสอบการปฏิบัติงาน การฝ่าฝืนนโยบาย และมาตรการที่กำหนดไว้ รวมถึงการวิเคราะห์ ตรวจสอบ ค้นหาและตอบสนองต่อภัยคุกคามจากภายนอก
บริษัท เอซิส โปรเฟสชั่นนัล เซ็นเตอร์ เราเป็นผู้เชี่ยวชาญ ที่พร้อมให้คำปรึกษาด้านมาตรฐานทาง Cybersecurity, Data Security and Privacy รวมไปถึงกฎหมาย หรือระเบียบที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกฏหมายพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 หรือ PDPA ซึ่งเรามีผู้เชี่ยวชาญคอยบริการให้คำปรึกษาอย่างครอบคลุมแบบ One-Stop-Service ทั้งในเรื่องของ
- PDPA/GDPR consulting service
- DPO outsourcing service
- PDPA audit service
- PDPA implementation service
- PDPA awareness training service
ติดต่อฝ่ายขายโทร :
- คุณเตย +66 91 003 1796
- e-mil : [email protected]
หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริษัท:
- โทร : 02 2534736
- Line:@acis (มี@ข้างหน้า)
Fields marked with an * are required