1. การปกป้องข้อมูลที่ละเอียดอ่อนได้ดียิ่งขึ้น : Zero Trust มีวิธีการรักษาความปลอดภัยเชิงรุกที่ครอบคลุมมากขึ้น ซึ่งช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถปกป้องข้อมูลและระบบที่ละเอียดอ่อนได้ดียิ่งขึ้น.

2. ลดความเสี่ยงของการโจมตีทางไซเบอร์ : Zero Trust ช่วยลดความเสี่ยงของการโจมตีทางไซเบอร์โดยการตรวจสอบตัวตนและความปลอดภัยของผู้ใช้ อุปกรณ์ และข้อมูลอย่างต่อเนื่องโดยการบังคับใช้นโยบาย และควบคุมความปลอดภัยที่มีขั้นตอนเข้มงวด.

3. ทำให้องค์กรสามารถการปฏิบัติตามข้อกำหนด : Zero Trust ช่วยให้องค์กรต่างๆ ปฏิบัติตามข้อกำหนด เนื่องจากให้แนวทางการรักษาความปลอดภัยที่ครอบคลุมมากขึ้น และช่วยให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลที่ละเอียดอ่อนได้รับการปกป้องตลอดเวลา.

4. ปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงาน : Zero Trust สามารถปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานโดยเปิดใช้งานการเข้าถึงข้อมูลและระบบที่ละเอียดอ่อนได้อย่างปลอดภัย .

5. เพิ่มประสิทธิภาพในการมองเห็นภัยคุกคาม : Zero Trust ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการมองเห็นด้านความปลอดภัยของผู้ใช้ อุปกรณ์ และข้อมูล ซึ่งช่วยให้องค์กรสามารถระบุ รวมถึงตอบสนองต่อภัยคุกคามด้านความปลอดภัยต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว.

6. ง่ายต่อการจัดการ : Zero Trust มีระบบการจัดการที่ง่ายกว่าโมเดลความปลอดภัยแบบ Perimeter-Based แบบดั้งเดิม เนื่องจากได้รับการออกแบบให้เป็นไดนามิกสามารถปรับเปลี่ยนได้ ทั้งนี้เพื่อให้สามารถตรวจสอบ และยืนยันความปลอดภัยของผู้ใช้ อุปกรณ์ และข้อมูลอย่างต่อเนื่องได้.

7. ประหยัดต้นทุน : Zero Trust ช่วยให้องค์กรประหยัดค่าใช้จ่ายได้ โดยการลดความจำเป็นของโครงสร้างพื้นฐานด้านความปลอดภัย ซึ่งสามารถช่วยลดความเสี่ยงของเหตุการณ์ด้านความปลอดภัยที่มีค่าใช้จ่ายสูงได้.

สรุปแล้วโมเดล Zero Trust มีวิธีการรักษาความปลอดภัยเชิงรุกที่ครอบคลุมมากขึ้น ซึ่งช่วยให้องค์กรปกป้องข้อมูลและระบบที่เป็นความลับ และเป็นข้อมูลละเอียดอ่อนได้ดีขึ้น รวมถึงช่วยลดความเสี่ยงจากการโจมตีทางไซเบอร์ให้กับองค์กรได้